ถ้าถามเราว่างานไม่ดีควรจะเริ่มปรับที่ตรงไหน
อย่างแรกเริ่มปรับที่ไลฟ์สไตล์ก่อนเลยค่ะ
นั่นก็คือการใช้ชีวิตของเราและอื่นๆ
ซึ่งเราจะบอกว่าสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งในการวาดภาพ
แต่คนไม่ค่อยรู้หรือว่ามีคนส่วนน้อยที่รู้
เพราะว่าคนส่วนมากมัวแต่ไปโฟกัสที่ทักษะอย่างเดียว
โดยที่ลืมหรือไม่ใส่ใจอัพรสนิยมในการหยิบจับ
มีทักษะอย่างเดียว
เสมือนมีวัตถุดิบดี แต่มีมืดทื่อ เตาไม่ร้อน
แต่ทักษะซึ่งเป็นวัตถุดิบก็ขาดไม่ได้เช่นกัน
ซึ่งรสนิยมมันจะเป็นเรื่องที่ติดตัวเราตลอดไป
ไม่ว่าจะเป็นหนังที่ชอบ เพลงที่ชอบฟัง อาหารที่กิน สถานที่ที่ไป
สิ่งที่ชอบดูสิ่งเหล่านี้ล้วนก่อเกิดให้เป็นตัวตนของเราทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นคนที่ตามหาเอกลักษณ์
หรือว่าตามหาสไตล์ของตัวเองแล้วไม่เจอสักที
แปลว่าคุณยังไม่ได้อัพในส่วนของ ‘การใช้ชีวิต’
บางคนที่เป็นศิลปินถึงกับต้องศึกษาอย่างจริงจังลโดยการเอาตัวเข้าไปคลุกคลี
เช่นถ้าจะวาดภาพ
ที่เกี่ยวกับวิถีของชนชั้นล่างหรือชนชั้นบลูคอลลาร์
หรือคนที่ทำงานใช้แรงงานเขาถึงกับต้องไปใช้ชีวิตอยู่ตรงนั้น
เพื่อศึกษาการใช้ชีวิตแบบนั้น เหมือนแมรี่ไว้ท์
วาดภาพชนชั้นล่าง ที่ทำงานในฟาร์มบ้าง
หรือเป็นชาวประมงบ้าง
สิ่งที่สำคัญคือวาดในสิ่งที่เป็นเราและสิ่งที่เรารู้
ไม่เช่นนั้นคนก็จะรู้หรือคนที่เค้ารู้ก็จะดูออกว่าคุณไม่ได้รู้จริงในตรงนั้น
ถ้าถามว่ารากของงานที่ไม่ดีมันมาจากอะไรมันก็มาจากการที่เรา
ยังหยิบจับได้ไม่ดีเรายังไม่รู้จริงในสิ่งที่เราเขียนหรือว่าเรายังไม่ถึงแก่นของสิ่งที่เราเขียนดีพอ
พูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตกับการทำงาน
จริงๆเรื่องของการใช้ชีวิตหรือรสนิยมนั้นมันไม่จำเป็นจะต้องเป็นอะไรที่หรูหราหรือเข้าถึงได้ยาก
เพราะถ้าเราไม่ได้ชอบที่จะใช้ชีวิตแบบนั้นแล้วมันก็จะเป็นการฝืนตัวตนของเราจนเกินไป
เราควรจะใช้ชีวิตแบบตามปกติ
แต่ว่าที่เปลี่ยนคือเพิ่มสิ่งที่เราบริโภคเข้าไปหรือว่าเพิ่มความแตกต่างให้ชีวิตมากขึ้นอย่างเช่นสมมุติว่า…
เราเคยกลับบ้านทางหนึ่งลองกลับบ้านอีกทางหนึ่งดู
เคยกินอาหารชนิดนี้บ่อยบ่อยก็ลองเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นบ้างเคยฟังเพลงแนวนี้ก็ลองเปลี่ยนเป็นแนวอื่นที่ไม่เคยฟัง
ลองค้นหาอะไรใหม่ๆที่ตัวเราชอบในสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย
มันจะทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์ มากขึ้นแล้วเราจะมีองค์ประกอบหรือว่าไลบรารี่ในหัวเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งจะทำให้เราเป็นนักออกแบบที่ดีในตัวที่จะทำให้เราแตกต่างจากนักวาดภาพประกอบคนอื่นได้
และภาพของคุณจะไม่ดูธรรมดาอีกต่อไป