เราเคยคิดว่าโลกจะสลายไป
กดปุ่ม
บางคนอาจจะบอก เออวิธีแก้ ง่ายมากเลย เลิกคิดถึงคนนั้น ลืมมัน ลืมๆไป เหมือนกดปุ่ม delete ลบไปเลยจากความทรงจำ ประเด็นคือ มันไม่ใช่แค่คนนั้น ลืมคนนั้นซะ แล้วเราจะเลิกเป็นโรคจิตเวช มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนะคะ หมายถึง เราเข้าใจว่าต้องลืมนะ ต้องก้าวต่อไปแล้ว แต่ขั้นตอนที่จะ overcome สิ่งนี้มันยาวนานมาก จนเรารู้สึกว่ามันนานเกินไปเหมือนกัน ทำไมเราจะไม่รู้ แล้วทำไมเราจะไม่อยากหายหละ
ทำไม เราถึงไม่อยากจะออกจากความทรมานนี้หละ?เราก็อยากลืม อยากลบทุกอย่างออกไป อยากแก้ไขใหม่ ทุกคนต่างอยากมีความสุข อยากพันทุกข์ทั้งนั้น ถ้ามันลืมกันง่ายๆแบบนั้น มันก็เหมือนหนัง eternal sunshine of spotless mind แล้ว ที่ให้หมอลบความจำทิ้ง จะได้ไม่ต้องเจ็บปวด แต่อย่าลืมว่า ทุกครั้งที่เราลบความจำ เราได้เสียประสบการณ์นั้นไป ดังนั้น มันไม่ใช่การลบ แต่เป็นการเรียน เรียนรู้จากความผิดพลาดต่างหากที่จะทำให้คนเราก้าวต่อไปอย่างสมบูรณ์
เราเข้าใจว่าเราเจ็บปวดนานเกินไป เราเสียใจนานเกินไป แต่ทั้งหมดนั้นมันทำให้เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้ การที่เราเสียใจนาน เป็นเพราะว่า ความรู้สึกเราเยอะกว่าคนปกติมาก ภาพของเราจึงออกแนว emotion ,emotive portrait แสดงอารมณ์หลากหลายในบางครั้ง โดยเฉพาะอารมณ์เศร้าที่เราสามารถถ่ายทอดออกมาได้ เราเองยังไม่เสียใจเลยกับเรื่องนี้
เราไม่รู้สึกว่ามันด้อย เพราะมันอยู่ในยีน มันทำให้เราสามารถสร้างงานศิลปะได้ไม่เหมือนใคร ดังนั้น การที่เราได้ถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ออกมา มันก็เป็นส่วนนึง ของความเสียใจ เราอยากจะ pay it forward อยากจะสร้างให้มันเกิดอะไรให้กับสังคมนี้ อยากจะให้คนที่เป็นเหมือนกัน รู้สึกดีขึ้น รู้สึกว่าเขามีเพื่อน และไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เขาไม่ได้เป็นโรคนี้คนเดียว
บางทีเราก็หวังนะคะ หวังว่าจะมีปุ่มอะไรสักอย่างที่กดแล้วจะย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่ว่าการกระทำแบบนั้นมันแปลกค่ะ เพราะอะไร?เพราะตัวตนเราในปัจจุบันจะหายไปเลยค่ะ แล้วเราก็จะเสียบทเรียนที่เราเคยเรียนไป ไปพบกับความเจ็บปวดและบทเรียนใหม่ๆ เพราะชีวิต ไม่ใช่หนังสือนิทาน ที่ happily ever after ค่ะ